สรวงสวรรค์ของพระวิษณุเทพ แวดล้อมด้วยเหล่าเทพธิดามาร่ายรำขับกล่อมเทพธิดาเหล่านี้ก็คือรูปสลักอัปสรนครวัดจำนวน ๑,๖๓๕ นาง ที่อยู่บนฝาผนังระเบียงและซุ้มประตูทุกชั้นและมีลักษณะหลากหลายไม่ซ้ำแบบกันเลย ปราสาทนครวัดที่ยิ่งใหญ่จนได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกนี้ ประมาณว่าใช้เวลาก่อสร้างทั้งสิ้น ๓๗ ปี คือตลอดรัชสมัยของพระเจ้าสุริยวรมันที่ ๒ นั่นเอง มีช่างควบคุมการก่อสร้าง ๕๐๐คนใช้แรงงานถึง ๑,๐๐๐,๐๐๐ คน พร้อมทั้งใช้ช้างลากหิน ๕,๐๐๐เชือก แพบรรทุกหินจากเขาพนมกุเลน(แปลว่าเขาลิ้นจี่) ที่อยู่ห่างขึ้นไปทางเหนือกว่า๖๐กิโลเมตร ล่องมาตามแม่น้ำเสียมเรียบถึง ๗,๐๐๐ แพ ใช้ ปริมาณหินหลายแสนลูกบาศก์เมตร คิดเป็นน้ำหนักหลายล้านตันทีเดียว
เลยจากทางเข้าปราสาทนครวัดขึ้นไปทางเหนือ เราจะพบกับแถวรูปสลักเทวดากับอสูรกำลังฉุดลากพญานาคขนาดใหญ่อยู่สองข้างทางข้างละ ๕๔ รูป ทอดยาวประมาณ ๑๐๐ เมตรไปสู่ประตูขนาดใหญ่ที่มียอดรูปพรหมสี่หน้า ๓ ยอด ประตูนี้เป็นประตูทางเข้าด้านทิศใต้ของนครธมหรือเมืองพระนครหลวง ใจกลางนครธมเป็นที่ตั้งของปราสาทหินที่ "แปลกประหลาดน่าพิศวงงงงวยที่สุด" ในบรรดาโบราณสถานขอมทั้ง
หมดปราสาทแห่งนี้ คือปราสาทบายน (Bayon) ปิแอร์ โลตี เขียนบรรยายถึงปราสาทบายนเมื่อแรกพบว่า"ข้าพเจ้าแหงนหน้าขึ้นไปยังปราสาทที่มีต้นไม้ปกคลุมอยู่ซึ่งทำให้ตัวเองรู้สึกเหมือนเป็นคนแคระและในทันทีทันใดนั้นเลือดในตัวข้าพเจ้าก็เกิดเย็นแข็งขึ้นมาเมื่อมองเห็นรอยยิ้มขนาดมหึมาที่กำลังมองลงมายังข้าพเจ้าแล้วก็รอยยิ้มอีกด้านหนึ่งเหนือกำแพงอีกด้านหนึ่งแล้วก็รอยยิ้มที่สามแล้วก็ที่ห้าแล้วก็ที่สิบปรากฏจากทุกสารทิศข้าพเจ้ามีความรู้สึกเหมือนมีตาคอยจ้องมองอยู่ทุกทิศทุกทาง"
เนื่องจากพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ ทรงหันมานับถือ พระพุทธศาสนาและทรงสถาปนาพระองค์เองเป็นพุทธราชาแห่งนิกายมหายานดังนั้นใบหน้าบนยอดปรางค์ของปราสาทบายนก็คือพระพักตร์ของพระโพธิสัตว์โลเกศวรที่มีพระพักตร์อยู่ทั่วทุกทิศทุกทาง อีกนัยหนึ่งสันนิษฐานว่าเป็นพระพักตร์ของพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ เอง อันแสดงถึงพระราชอำนาจของพระองค์ที่มีไปทั่วทุกสารทิศด้วยทรงถือว่าพระองค์เป็นอวตารของพระโพธิสัตว์บนโลกมนุษย์ ปราสาทบายนนี้ยังคงสร้างตามคติความเชื่อเรื่องโครงสร้างจักรวาลโดยปรางค์ประธานซึ่งอยู่ตรงกลางนั้นเป็นประดุจเขาพระสุเมรุศูนย์กลางแห่งจักรวาลนั่นเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น